ประกาศความเป็นส่วนตัว
สำหรับพนักงานและบุคคลอื่นที่พนักงานได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลไว้
บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน)

เนื่องด้วย บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน)(“บริษัท”) ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้มอบหรือจะได้มอบไว้ให้แก่บริษัท ดังนั้น บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านได้ทราบและเข้าใจถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (เรียกรวมว่า “การประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงสิทธิตามกฎหมายในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ข้อ 1. ขอบเขตของประกาศฉบับนี้

ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ครอบคลุมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเก็บรวบรวมจากการที่ท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการทำสัญญาจ้างงานกับบริษัทเมื่อท่านได้รับคัดเลือกเข้าทำงาน, การขอรับสวัสดิการ ค่าตอบแทน และสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากการทำงาน, การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะเพื่อการทำงาน, การประเมินผลการทำงาน, การรักษาความปลอดภัยภายในที่ทำงาน และ/หรือการทำกิจกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานทรัพยากรบุคคลเท่าที่จำเป็น ดังนั้น บริษัทจึงขอแนะนำให้ท่านได้โปรดอ่านประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เพื่อรับทราบและทำความเข้าใจถึงวิธีการ แนวทาง วัตถุประสงค์ที่บริษัทได้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตลอดจนทราบถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และช่องทางการติดต่อของบริษัท

ข้อ 2. คำจำกัดความ

“พนักงาน” หมายถึง พนักงานหรือลูกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงาน หรือบุคคลอื่นที่ได้รับการจ้างให้ทำงานกับบริษัท โดยได้รับการแต่งตั้ง หรือกำหนดให้ดำรงตำแหน่ง และ/หรือ ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย และให้หมายความรวมถึงอดีตพนักงานและ พนักงานที่เกษียณอายุแล้ว

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคล ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่

ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป (Personal Data) เช่น คำนำหน้านาม ชื่อ นามสกุล อายุ เพศ สัญชาติ วันเดือนปีเกิด ชื่อเล่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประกันสังคม หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี หมายเลขใบอนุญาตขับขี่ หมายเลขบัญชีธนาคาร ที่อยู่อีเมล (email address) ทะเบียนรถยนต์ เป็นต้น

ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Personal Data) ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด ซึ่งบริษัทต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนต่อเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามที่กฎหมายอนุญาต

อย่างไรก็ดี ข้อมูลต่อไปนี้ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลสำหรับการติดต่อทางธุรกิจที่ไม่ได้ระบุถึงตัวบุคคล อาทิ ชื่อบริษัท ที่อยู่ของบริษัท เลขทะเบียนนิติบุคคลของบริษัท หมายเลขโทรศัพท์ของที่ทำงาน ที่อยู่อีเมล (email address) ที่ใช้ในการทำงาน      ที่อยู่อีเมล (email address) กลุ่มของบริษัท เช่น info@company.co.th ข้อมูลนิรนาม (Anonymous Data) หรือข้อมูลแฝงที่ถูกทำให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้อีกโดยวิธีการทางเทคนิค (Pseudonymous Data) ข้อมูลผู้ถึงแก่กรรม เป็นต้น

“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ในที่นี้หมายถึง “ท่าน” ในฐานะพนักงาน

ข้อ 3. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวม

บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็น ภายใต้วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะได้แจ้งให้ท่านทราบในข้อ 5. และเพื่อให้ท่านรับทราบและเข้าใจถึงรายละเอียดของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวม บริษัทจึงขอแจ้งให้ท่านทราบตามรายละเอียด ดังนี้

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล

รายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลรายละเอียดส่วนตัว

คำนำหน้านาม, ยศ, ชื่อ นามสกุล, อายุ, เพศ, วันเดือนปีเกิด, สัญชาติ, รูปถ่าย, สถานภาพการสมรส, จำนวนบุตร, ลายมือชื่อ, หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน, หมายเลขหนังสือเดินทาง, วีซ่า, หมายเลขใบอนุญาตขับขี่, หมายเลขประกันสังคม, หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี, ใบอนุญาตทำงาน, เอกสารแสดงการเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล, ประวัติการเกณฑ์ทหาร, ประวัติการอุปสมบท, เลขที่ทะเบียนรถยนต์ สี และรุ่นของรถยนต์

ข้อมูลการติดต่อ

ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชนหรือทะเบียนบ้าน, ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้, หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ, ที่อยู่อีเมล์ (email address)

ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาและการทำงาน

ประวัติการศึกษา, ประวัติการทำงาน, ข้อมูลหลักฐานแสดงคุณวุฒิทางการศึกษา, สำเนาใบแสดงผลการศึกษา, สำเนาใบปริญญาบัตร, ประวัติการเรียนรู้ ทักษะและความสามารถ, ใบอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและการทำงาน, ข้อมูลการรับรองเงินเดือนของที่ทำงานเดิม(ถ้ามี)

ข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงาน

รหัสพนักงาน, ตำแหน่งงาน, ระดับตำแหน่ง, ฝ่ายงาน/แผนก/สังกัด, วันที่เข้าทำงาน/เลื่อนตำแหน่ง/บรรจุเป็นลูกจ้าง, ค่าจ้างและผลตอบแทน, ค่าสวัสดิการ, ค่าชดเชย, ข้อมูลการหักเงิน (เช่น ข้อมูลการหักภาษีเงินได้, ข้อมูลการหักเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, ข้อมูลการหักเงินประกันสังคม), ผลตอบแทนอื่นๆ (ถ้ามี), ประวัติการมาทำงาน, การทำงานล่วงเวลา, การขาดงานหรือการลางาน, ประวัติการฝึกอบรม, ประวัติการทดลองงาน, การประเมินผลการปฏิบัติงาน, การแต่งตั้ง, การโยกย้าย, การเปลี่ยนตำแหน่งงาน, ประวัติการถูกเตือน, ประวัติการถูกดำเนินคดีทางวินัย, คะแนนสำหรับการประเมินผล, ข้อมูลการขึ้นเงินเดือน, ข้อมูลการจ่ายโบนัส, ข้อมูลการเลื่อนตำแหน่ง

ข้อมูลทางการเงิน เลขที่บัญชีธนาคาร
ข้อมูลอื่นๆ ประวัติส่วนตัว (Resume/Curriculum Vitae (CV)), ข้อมูลจากการทดสอบหรือการสัมภาษณ์, ข้อมูลที่บันทึกภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV), ข้อมูลภาพนิ่งและวีดีโอเกี่ยวกับการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน ประวัติอาชญากรรม, ข้อมูลสุขภาพ เช่น ประวัติการเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ การตรวจสุขภาพและการรักษาพยาบาล, ข้อมูลเกี่ยวกับความพิการ, ข้อมูลชีวภาพ เช่น ลายนิ้วมือ ระบบการจดจำใบหน้า ข้อมูลภาพถ่ายจำลองใบหน้า
ข้อมูลบุคคลที่สาม ชื่อ นามสกุลบิดาและ/หรือมารดา, อายุบิดาและ/หรือมารดา, บุคคลอ้างอิงที่ทำงานกับบริษัท, บุคคลอ้างอิง(ภายนอกบริษัท), บุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉิน, ผู้รับประโยชน์จากสวัสดิการต่างๆ โดยจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล อันได้แก่ ชื่อ นามสกุล ความสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ และข้อมูลอื่นๆ เท่าที่จำเป็น

หากท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่บริษัท บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่าบริษัทไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิต(ถ้ามี) ที่ปรากฎอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่าน ดังนั้น บริษัทจึงขอให้ท่านปกปิดข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิต(ถ้ามี) ดังกล่าว และหากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลตามที่บริษัทได้แจ้งขอให้ดำเนินการ ให้ถือว่าท่านยินยอมและอนุญาตให้บริษัทดำเนินการปกปิดข้อมูลนั้นแทนท่าน และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าวมีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ

นอกจากนี้ กรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามแก่บริษัท เช่น ชื่อ นามสกุล บิดาและ/หรือมารดา, อายุ บิดาและ/หรือมารดา, บุคคลอ้างอิงที่ทำงานกับบริษัท, บุคคลอ้างอิง(ภายนอกบริษัท), บุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉิน, ผู้รับประโยชน์จากสวัสดิการต่างๆ บริษัทขอให้ท่านโปรดแจ้งประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ให้แก่บุคคลที่สามดังกล่าว เพื่อให้รับทราบประกาศความเป็นส่วนตัวของบริษัท และอาจต้องขอความยินยอมในกรณีมีความจำเป็นจากบุคคลดังกล่าว เว้นแต่ ปรากฏฐานทางกฎหมายอื่นตามกฎหมายว่าไม่จำเป็นต้องขอความยินยอมก่อน

ทั้งนี้ ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน ซึ่งต้องอาศัยความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล บริษัทจะขอความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรหรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์จากท่านโดยชัดแจ้งก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งท่านมีสิทธิที่จะไม่ให้ความยินยอมในการให้ข้อมูลส่วนบุคคลก็ได้ และหากท่านเลือกที่จะไม่ให้ความยินยอมหรือเพิกถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบต่อการทำสัญญาจ้างแรงงานกับบริษัทเมื่อท่านได้รับคัดเลือกเข้าทำงาน, การขอรับสวัสดิการ ค่าตอบแทน และสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากการทำงาน, การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะเพื่อการทำงาน, การประเมินผลการทำงาน, การรักษาความปลอดภัยภายในที่ทำงาน และ/หรือการทำกิจกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานทรัพยากรบุคคลเท่าที่จำเป็น ซึ่งจำเป็นต้องได้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ครบถ้วนและถูกต้อง

อนึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านมอบให้แก่บริษัทจะต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นความจริง และไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และท่านจะต้องอัปเดตข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้เป็นปัจจุบัน โดยแจ้งให้บริษัททราบเกี่ยวกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่างๆ ผ่านช่องทางการติดต่อที่บริษัทระบุไว้ในข้อ 12. ของประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

ข้อ 4. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

4.1 ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง เช่น

จากการกรอกข้อมูลในใบสมัครงาน การทำสัญญาจ้างงานและเอกสารแนบประกอบสัญญาจ้างงาน รวมถึงข้อมูลและการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลของท่าน นอกจากนี้บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากการทำกิจกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานหรือกระบวนการต่างๆ ในช่วงเวลาที่ท่านเป็นพนักงานของบริษัท

4.2 ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น เช่น

บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งอื่น ได้แก่ ข้อมูลจากบุคคลอ้างอิง ข้อมูลจากการตรวจสอบประวัติส่วนตัวอื่นๆ

4.3 ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สาม เช่น

บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามที่มีความเกี่ยวข้องกับท่านโดยท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลกับบริษัท เช่น บิดาและ/หรือมารดา, บุคคลอ้างอิงที่ทำงานกับบริษัท, บุคคลอ้างอิง(ภายนอกบริษัท), บุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉิน, ผู้รับประโยชน์จากสวัสดิการต่างๆ

ข้อ 5. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยมีวัตถุประสงค์ภายใต้ฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูล ดังต่อไปนี้

5.1 การปฏิบัติตามสัญญา (Contractual Basis): เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญา

5.2 การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation): เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด เช่น กฎหมายภาษีอากร กฎหมายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายประกันสังคม กฎหมายเงินทดแทน กฎหมายว่าด้วยการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน กฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว

5.3 ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest): เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทโดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุผลผล ซึ่งจะไม่ละเมิดสิทธิพื้นฐาน หรือสิทธิทางเสรีภาพของท่าน

5.4 ความยินยอม (Consent): บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้ขอความยินยอม หรือบริษัทไม่มีเหตุให้ใช้ฐานการประมวลผลข้างต้นเพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจากท่านได้

วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ปรากฎตามรายละเอียดต่อไปนี้

วัตถุประสงค์ในการดำเนินการ รายละเอียด ฐานทางกฎหมาย

1. เพื่อดำเนินการตามกระบวนการและขั้นตอนในการจัดทำสัญญาจ้างงานระหว่างท่านกับบริษัท

ภายหลังจากที่ท่านได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานกับบริษัท บริษัทจะจัดทำสัญญาจ้างงานเพื่อตกลงและยืนยันรับท่านเข้าทำงาน และอาจรวมถึงการทำสัญญาหรือข้อตกลงอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับการจ้างงาน เช่น สัญญาการรักษาความลับ เป็นต้น

- การปฏิบัติตามสัญญา (Contractual Basis)

- ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

- ความยินยอม (Consent)

2. เพื่อการจัดทำทะเบียนข้อมูลพนักงาน

เพื่อนำข้อมูลส่วนบุคคลและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับจากท่านมาเก็บรวบรวมและจัดทำในรูปแบบแฟ้มประวัติพนักงาน และรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ระบบการบริหารจัดการข้อมูลพนักงาน)โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้สำหรับเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการประเมินการทดลองงาน, การประเมินการทำงาน, การจัดการวันและเวลาการทำงาน, การบริหารและจัดการวันหยุดงานหรือวันลางาน, การขอหนังสือรับรองการทำงาน, การจ่ายเงินเดือน, การจ่ายเงินค่าตอบแทน, การจ่ายเงินสวัสดิการอื่นๆ ที่บริษัทต้องจ่ายให้แก่ท่าน หรือเพื่อกิจกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานทรัพยากรบุคคลเท่าที่จำเป็น

- การปฏิบัติตามสัญญา (Contractual Basis)

- ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

- ความยินยอม (Consent)

3. เพื่อการจัดทำด้านค่าตอบแทน สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ของท่าน

1. ด้านค่าตอบแทน - เพื่อดำเนินการด้านการจ่ายเงินเดือน, การจ่ายเงินค่าตอบแทน, หรือการจ่ายเงินสวัสดิการอื่นๆ ที่บริษัทต้องจ่ายให้แก่ท่าน

2. ด้านสวัสดิการ - เพื่อดำเนินการจัดให้มีสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้แก่ท่าน เช่น สวัสดิการประกันสุขภาพแบบกลุ่ม, การเบิกค่ารักษาพยาบาลและ/หรือค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องจากสวัสดิการประกันสุขภาพแบบกลุ่ม, สวัสดิการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident fund), การตรวจสุขภาพประจำปี, การให้ของในโอกาสต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส งานครบรอบบริษัท งานบวช ครอดบุตร หรืองานฌาปนกิจ

3. ด้านสิทธิประโยชน์ - เพื่อนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้สำหรับการจองที่พัก การจองตั๋วเพื่อการเดินทาง การให้ค่าเบี้ยเลี้ยง การทำประกันการเดินทาง การทำวีซ่า การให้เงินอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเพื่อไปฝึกอบรม ประชุม หรือทำงานนอกบริษัท การให้ส่วนลดกรณีที่ซื้อสินค้าของบริษัท การให้รางวัลการทำงานเป็นเวลายาวนาน (Long Service Award)

- การปฏิบัติตามสัญญา (Contractual Basis)

- ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

- ความยินยอม (Consent)

4. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่างๆ เช่น การนำส่งเอกสารและข้อมูลพนักงานให้แก่กรมสรรพากร, การหักและการชำระภาษี, การนำส่งเอกสารและข้อมูลพนักงานให้แก่สำนักงานประกันสังคม, การหักเงินประกันสังคม, การนำส่งเอกสารและข้อมูลของท่านให้กับสำนักงานประกันสังคมเพื่อส่งตัวท่านเข้ารับการรักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมีสาเหตุมาจากการทำงาน, การนำส่งข้อมูลท่านต่อกรมบังคับคดีภายหลังจากการลงทะเบียนการส่งเงินอายัดและเอกสารทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่อกรมบังคับคดี, การนำส่งข้อมูลท่านให้กับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ), การนำส่งข้อมูลการฝึกอบรมของท่านให้แก่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน, การตรวจสอบสุขภาพท่านเพื่อประกอบยื่นขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการของบริษัท ทั้งนี้ รวมตลอดถึงการดำเนินการอื่นใดเพื่อดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด
2. เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย คำสั่งของหน่วยงาน องค์กรอิสระ หรือเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียก หมายอายัด คำสั่งของศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ หน่วยงานราชการ และการรายงานหรือเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการหรือองค์กรอิสระ
- การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation)
5. เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเป็นพยานหลักฐานประกอบการดำเนินคดีตามกฎหมาย การดำเนินคดีต่างๆ ตลอดจนการดำเนินการอื่นใดเพื่อบังคับคดีตามกฎหมาย

- ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

- การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation)

6. เพื่อการพิสูจน์และยืนยันตัวตน

1. เพื่อนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาประกอบการจัดทำบัตรพนักงาน เพื่อใช้สำหรับแสดงตัวและยืนยันตัวตนในการเข้าพื้นที่ของบริษัท และใช้อุปกรณ์สำนักงานของบริษัท และเข้าร่วมการอบรมหรือกิจกรรมของบริษัท

2. เพื่อนำข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ ลายนิ้วมือ ระบบการจดจำใบหน้า ข้อมูลภาพถ่ายจำลองใบหน้า มาตรวจสอบและพิสูจน์ตัวตนของท่านเพื่อลงเวลาเข้าออกการทำงาน

- การปฏิบัติตามสัญญา (Contractual Basis)

- ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

- ความยินยอม (Consent)

7. เพื่อการบริหารจัดการด้านสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยก่อนการเริ่มทำงาน ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและ/หรือสุขภาพของพนักงานใหม่ (บางตำแหน่งงาน) ก่อนเริ่มทำงาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตรวจสอบคุณสมบัติหรือความเหมาะสมในการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้าง, เพื่อใช้ประกอบการขอใบอนุญาตสำหรับการประกอบกิจการของบริษัท

- การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation)

- ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

- ความยินยอม (Consent)

8. เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะพนักงานของบริษัท

1. เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาคัดเลือกผู้เข้ารับการฝึกอบรม และจัดทำบัญชีรายชื่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมในแต่ละหลักสูตรที่บริษัทจัดขึ้น (In-House Training) หรือหลักสูตรที่ท่านขอเข้าร่วมซึ่งจัดการอบรมโดยบุคคลภายนอกบริษัท (Public-House Training) ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับท่าน บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นให้กับบุคคลภายนอก เพื่อจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดฝึกอบรม

2. เพื่อทดสอบความรู้ความเข้าใจ ทำแบบสำรวจความคิดเห็นหรือแบบสอบถาม และประเมินผลจากการทดสอบและการสำรวจ

- การปฏิบัติตามสัญญา (Contractual Basis)

- ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

9. เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ สำหรับพนักงานทั้งภายในและภายนอกบริษัท เพื่อการจัดกิจกรรมหรือการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกบริษัท ซึ่งอาจมีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล, ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวของท่านจากการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เพื่อใช้ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ตามวัตถุประสงค์ของแต่ละกิจกรรมตามช่องทางเว็บไซต์ของบริษัท หรือสื่อออนไลน์อื่นๆ ของบริษัท - ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)
10. เพื่อการตรวจสอบกำกับดูแล และบริหารความเสี่ยง เพื่อการบริหารความเสี่ยง การป้องกันและการตรวจสอบ และการบริหารจัดการภายในบริษัท เช่น กระบวนการตรวจสอบการทุจริต การประพฤติผิดวินัยของพนักงาน หรือการกระทำอื่นใดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งการตรวจสอบและการจัดการข้อร้องเรียนและข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับการดำเนินการของบริษัทหรือผู้ที่เกี่ยวข้องให้เกิดความโปร่งใสและความยุติธรรมกับทุกฝ่าย - ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)
11. เพื่อจัดการด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการสมัครเข้าใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือเปิดสิทธิการเข้าถึงหรือการใช้งานอินเตอร์เน็ตหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ของบริษัทเช่น การสร้าง username และ password เพื่อเข้าถึงเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องมือทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ ภายในบริษัท, เข้าถึงระบบขั้นตอนการอนุมัติตามตารางอำนาจอนุมัติ (Delegation of Authority (DOA)) - ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

12. เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาจ้างงานกับลูกค้า

คู่ค้า หรือบุคคลอื่น

เพื่อเปิดเผยข้อมูลให้แก่ลูกค้า คู่ค้า หรือบุคคลอื่น อันเนื่องมาจากสิทธิและหน้าที่ในการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้าง - การปฏิบัติตามสัญญา (Contractual Basis)
13. เพื่อรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่ของบริษัท เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่ของบริษัท ได้แก่ การแลกบัตรที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านก่อนเข้าพื้นที่สำนักงาน/สาขา รวมถึงการบันทึกภาพภายในพื้นที่ของบริษัทด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV) - ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)
14. เพื่อการติดต่อสื่อสารภายในบริษัท เพื่อการติดต่อสื่อสารภายในบริษัทในกรณีจำเป็น หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน - ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)
15. เพื่อการบริหารจัดการด้านสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยจากการทำงาน เพื่อการบริหารจัดการด้านสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยจากการทำงาน เช่น การฝึกอบรมดับเพลิงขั้นต้น การฝึกซ้อมอพยบหนีไฟประจำปี การฝึกอบรมเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การฝึกอบรมด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานสำหรับลูกจ้างเข้าทำงานใหม่ การฝึกอบรมด้านโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมแก่ลูกจ้าง เป็นต้น

- การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation)

- ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

16. เพื่อบริหารจัดการข้อมูลสำหรับพนักงานลาออก/อดีตพนักงาน/ พนักงานที่เกษียณอายุ

1. เพื่อบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจของบริษัท เพื่อให้เข้าใจและเก็บหลักฐานการตัดสินใจต่างๆ ในบทบาทหน้าที่ของท่านขณะที่ทำงานกับบริษัท และเพื่อรักษาความรู้ให้คงอยู่กับบริษัทหลังจากที่ท่านได้พ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของบริษัท

2. ในขณะที่ท่านยื่นขอลาออกจากการเป็นพนักงานของบริษัท บริษัทจะให้ท่านทำแบบสอบถามเพื่อให้ทราบถึงเหตุผลของการลาออก โดยที่บริษัทมีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงแก้ไขการบริหารจัดการงานทรัพยากรบุคคลของบริษัท

3. เพื่อการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของท่านให้แก่ผู้ที่จะเป็นนายจ้างใหม่ของท่าน ในกรณีที่ท่านระบุชื่อบริษัทเป็นบุคคลอ้างอิงในฐานะนายจ้างปัจจุบัน

- การปฏิบัติตามสัญญา (Contractual Basis)

- ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

- ความยินยอม (Consent)

ข้อ 6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทอาจทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายในบริษัทและบุคคลภายนอกบริษัทเท่าที่จำเป็น เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยบริษัทอาจส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลดังต่อไปนี้

6.1 บุคคลภายในบริษัท

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจมีการเปิดเผยหรือนำส่งให้กับหน่วยงานต่างๆ ภายในบริษัทเฉพาะที่เกี่ยวข้องและมีบทบาทหน้าที่เท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์เท่านั้น กล่าวคือ

  1. พนักงานฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรือพนักงานฝ่ายอื่นๆ เฉพาะที่เกี่ยวข้อง โดยมีการกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลตามบทบาทหน้าที่ที่รับผิดชอบ
  2. ผู้บริหาร หรือผู้บังคับบัญชาโดยตรงของท่านที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการบริหารหรือตัดสินใจเกี่ยวกับท่าน หรือต้องเกี่ยวข้องกับขั้นตอนทางด้านงานทรัพยากรบุคคล
  3. ฝ่ายหรือแผนกสนับสนุนต่างๆ เช่น ฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ ฝ่ายการเงินและบัญชี ฝ่ายทรัพยากรบุคคล-แผนกธุรการและบริหารทรัพยากรอาคารและพื้นที่ ฝ่ายบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์ ฝ่ายกฎหมาย เป็นต้น

6.2 บุคคลภายนอกบริษัท

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจมีการเปิดเผยหรือนำส่งให้กับองค์กรหรือบุคคลภายนอก ดังนี้

  1. หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด เช่น กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมบังคับคดี กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ ศาล ตำรวจ หรือหน่วยงานอื่นใดที่อาศัยอำนาจตามกฎหมาย
  2. ผู้รับจ้าง ผู้รับจ้างช่วง ผู้ให้บริการ องค์กร หรือบุคคลภายนอกสำหรับดำเนินการต่างๆ เช่น ผู้รับดำเนินการจัดทำเงินเดือนพนักงาน บริษัทหรือสถาบันการเงินที่ดูแลกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทที่ดูแลการประกันสุขภาพพนักงานแบบกลุ่ม บริษัทที่ดูแลการประกันอุบัติเหตุ บริษัทหรือบุคคลที่รับดำเนินการจัดการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะพนักงาน หรืองานสัมมนา บริษัทที่รับทำการประเมินผลการทำงานของพนักงาน บริษัทรับจ้างจัดหาที่พักและการเดินทาง บริษัทหรือบุคคลผู้รับจ้างจัดกิจกรรม ผู้รับจ้างผลิตสื่อ ผู้รับจ้างประชาสัมพันธ์ ผู้รับประกันภัย ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษาทางกฎหมาย ธนาคารหรือสถาบันทางการเงิน โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล และอาจรวมถึงบริษัทหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานทรัพยากรบุคคลของบริษัท

ทั้งนี้ บุคคลภายนอกที่บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้นั้น บริษัทมีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความคุ้มครองและปลอดภัย เช่น การตกลงทำสัญญาที่มีเงื่อนไขให้บุคคลภายนอกมีสิทธิใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่กำหนดไว้ในสัญญาเท่านั้น, การตกลงให้ทำสัญญาการรักษาความลับ (Non-Disclosure Agreement)        เพื่อรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากท่านเพื่อดำเนินธุรกิจ เป็นตัน

ข้อ 7. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

กรณีที่มีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความคุ้มครองและท่านสามารถใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงบริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม และประมวลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

ข้อ 8. การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทจะจัดเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เท่านั้น ยกเว้นในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้เก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวในระยะเวลานานกว่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี นับจากวันที่พ้นสภาพการเป็นพนักงานของบริษัท เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีเกิดข้อพิพาทขึ้นภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนด

ทั้งนี้ ในกรณีที่พ้นระยะเวลาการจัดเก็บ หรือข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่มีความจำเป็น ทางบริษัทจะทำการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ข้อ 9. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในกรณีที่บริษัทได้มีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ท่านมีสิทธิดังต่อไปนี้ ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

9.1 สิทธิในการขอเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdrew Consent)

ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่

ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณางาน สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ท่านพึงได้รับจากบริษัท หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของท่านจึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม

9.2 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access)

ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองของบริษัท

ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธคำขอของท่านหากการเข้าถึง และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะส่งผลกระทบต่อสิทธิ และเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือบริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือคำสั่งศาลที่ห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

9.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right)

ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด

9.4  สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object)

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี

9.5 สิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right)

ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว

9.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)

ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน

9.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Right to Rectification)

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

9.8 สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint)

ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

หากท่านมีความกังวลหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติของบริษัท เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัท โดยใช้รายละเอียดการติดต่อตามข้อ 12. ของประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ทั้งนี้ ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบริษัท ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบและวิธีการตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

ทั้งนี้ กรณีที่ท่านมีความประสงค์จะใช้สิทธิตามที่กล่าวข้างต้น ท่านจะต้องติดต่อมายังบริษัทตามรายละเอียดที่ระบุไว้ในข้อ 12. ของประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยทำคำขอเป็นลายลักษณ์อักษร และบริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำขอของท่านโดยไม่ชักช้า หรือภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ คำร้องขอใช้สิทธิใดๆ ข้างต้นอาจถูกจำกัดโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงอาจมีบางกรณีที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการได้ตามคำขอของท่านโดยสมควรและโดยชอบ เช่น กรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้สิทธิในการปฏิเสธคำขอดังกล่าว

ข้อ 10. บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร

บริษัทจัดให้มีมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ และบริษัทจะทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็น หรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม

ข้อ 11. การเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว

บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใดๆ ทางบริษัทจะได้ประกาศและแสดงลงบนเว็บไซต์ของบริษัทหรือด้วยวิธีการอื่นใดที่เหมาะสม

ข้อ 12. ช่องทางการติดต่อบริษัท

หากท่านมีข้อสงสัยที่เกี่ยวข้องกับประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ หรือหากท่านประสงค์จะใช้สิทธิตามที่ระบุไว้ในข้อ 9. หรือท่านมีข้อร้องเรียนใดๆ ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ที่

ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)

บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) – เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

สถานที่ติดต่อ: 1054 ซอยสุขุมวิท 66/1 แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260

เบอร์โทรศัพท์: 02 856 2000 

อีเมล: dpo@jaspal.co.th

หรือ

ฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน)

อีเมล: hrpdpa@jaspal.co.th

ข้อ 13. กฎหมายที่ใช้บังคับ

ท่านรับทราบและตกลงให้ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ อยู่ภายใต้การบังคับและการตีความตามกฎหมายไทยและศาลไทยเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาข้อพิพาทใดที่อาจเกิดขึ้น

ประกาศใช้ ณ วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2567